แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 6

คำถาม
1.ระบบสารสนเทศมีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานและโครงสร้างขององค์การอย่างไร
ตอบ
1. ลดระดับขั้นของการจัดการ
2. มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน
3. ลดขั้นตอนการดำเนินงาน
4. เปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการ
5. กำหนดขอบเขตการดำเนินงานใหม่

2.องค์การเสมือนจริงมีลักษณะอย่างไร และมีข้อดีอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับองค์การโดยทั่วไป
ตอบ
1. มีขอบเขตขององค์การไม่ชัดเจน
2. ใช้เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
3. มีความเป็นเลิศ
4. มีความไว้วางใจ
5. มีโอกาสทางตลาด

มีข้อดี คือ เป็นรูปแบบขององค์การแบบใหม่ เป็นเครือข่ายขององค์การที่เชื่อมโยงกันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะ ลดต้น สร้างและกระจายสินค้าและบริการโดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสถานที่ตั้งขององค์การ

3.ระบบสารสนเทศสามารถถูกจัดเป็นประเภทใดบ้าง อธิบายและยกตัวอย่างระบบสารสนเทศในแต่ละประเภท
ตอบ
3.1 ระบบสารสนเทศจำแนกตามประเภทของธุรกิจ เช่น ระบบสารสนเทศงานบริหารโรงแรม จะประกอบด้วยสารสนเทศย่อย ได้แก่ ระบบสำรองห้องพัก ระบบบัญชี ฯ
3.2 ระบบสารสนเทศจำแนกตามหน้าที่ของงาน เช่น ระบบจัดการข้อมูลพนักงาน ระบบการสรรหาและคัดเลือก ระบบฝึกอบรม ระบบประเมินผล
3.3 ระบบสารสนเทศจำแนกตามลักษณะการดำเนินงาน แบ่งออกเป็น 6 ประเภท
1) ระบบสานสนเทศประมวลผลธุรกรรม
2) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
3) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
4) ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง
5) ปัญญาประดิษฐ์
6) ระบบสารสนเทศสำนักงาน

4.ระบบสารสนเทศสำนักงาน (OIS) แตกต่างจากระบบสารสนเทศกระประมวลผลธุรกรรม (TPS) อย่างไร
ตอบ
- ระบบสารสนเทศสำนักงาน (OIS) เป็นระบบสารสนเทศที่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหาร สามารถนำมาช่วยงานในหลายๆกิจกรรม ส่วนระบบสารสนเทศกระประมวลผลธุรกรรม (TPS) เป็นระบบสารสนเทศเพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการให้บริการลูกค้า ทำหน้าที่รวบรวม บันทึกข้อมูลในแฟ้มข้อมูล หรือฐานข้อมูล และประมวลผลข้อมูลที่เกิดจากการทำธุรกรรมและการปฏิบัติงานประจำขององค์การ

5.อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างระบบ TPS, OIS, MIS, DSS และ EIS
ตอบ
- TPS จะเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานให้กับระบบสารสนเทศ OIS, MIS และ DSS ในขณะที่ EIS จะเป็นระบบที่รับข้อมูลจากระบบสารสนเทศในระดับที่ต่ำกว่า

กรณีศึกษา: ระบบประมวลผลภาพใบสั่งของกรมการขนส่งในกรุงนิวยอร์ก

กรณีศึกษา: ระบบประมวลผลภาพใบสั่งของกรมการขนส่งในกรุงนิวยอร์ก
(รายละเอียดศึกษาได้จากวารสาร Eworld ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2549)

สถิติการออกใบสั่งเรียกค่าปรับในการฝ่าฝืนกฏจราจรของกรมการขนส่งที่เกิดขึ้นที่เมืองอัลบานีในกรุงนิวยอกร์ก มีจำนวนตั้งแต่ 30,000 ใบถึง 50,000 ใบในแต่ละสัปดาห์ โดยในกรุงนิวยอร์กใบสั่งเรียกค่าปรับทั้งหมดจะถูกรรวบรวมและส่งไปยังกรมการขนส่งที่สำนักงานอัลบานีฝ่านทางไปรษณีย์ เพื่อนำมาประมวลรวมใบสั่งทั้งหมดและจัดเป็นปึก ปึกละ 50 ใบ และส่งปึกใบสั่งทั้งหมดนี้ไปยังอีกแผนกหนึ่งเพื่อถ่ายโอนลงในฟิล์มขนาดเล็กที่เรียกว่า ไมโครฟิช (Microfiche) ต่อไป ซึ่งวิธีการดำเนินการแบบนี้นอกจากนี้จะใช้งบประมาณจำนวนมากแล้วยังให้คุณภาพไม่ดีนัก เนื่องจากมีความผิดพลาดอย่างมากจากการพิมพ์ของพนักงานในขั้นตอนของการพิมพ์ข้อมูลเข้าสู่ระบบ นอกจากนั้นการที่ผุ้พิพากษาไม่สามารถรู้ข้อมูลที่บันทึกในใบสั่งในระหว่างการไต่สวนคดีทางจราจรยังเป็นการถ่วงประสิทธิภาพในการพิพากษาคดี ทำให้การตัดสินนั้นใช้เวลานานเกินกว่าที่ควรจะเป็น
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ทางกรมฯ จึงตัดสินใจนำระบบประมวลผลภาพมาใช้ ทำให้การทำงานเดิม ๆ เปลี่ยนไป โดยระบบนี้จะช่วยลดเวลาการออกใบสั่งลงได้ถึง 2 ใน 3 ของเวลาเดิมที่เคยใช้ การทำงานของระบบใหม่จะเริ่มจากขั้นแรกใบสั่งจะถูกสแกรนเข้าในเครื่องแอสเซนต์ (Ascent Platform) ผ่าน แอสเซนต์ แคปเจอร์ และเครื่องนี้จะแปลงรูปภาพนั้นไปอยู่ในรูปแบบที่นำกลับมาใช้งานได้ หลังจากนั้นเครื่องเมเนเจอร์ ของไอบีเอ็ม (IBM Content Manager) ซึ่งซอฟต์แวร์นี้จะนำข้อมูลทั้งหมดถ่ายไปยังระบบแมนแฟรมเป็นขั้นตอนต่อไป เนื่องจากระบบการจัดการเอกสารแบบอีเล็กทรอนิกส์นีมีคามแม่นยำในการทำงานสูง

คำถาม
1. ระบบประมวลผลภาพมีผลต่อการกระบวนการออกไปสั่งเรียกค่าปรับในการฝ่าฝืนกฏจราจรของกรมการ
ขนส่งอย่างไร
ตอบ
- ช่วยลดเวลาการออกใบสั่ง 2 ใน 3 ของเวลาเดิม
- ข้อมูลไม่ตกหล่น
- ประหยัดแรงงาน
- มีความแม่นยำในการทำอาหาร
- ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บเอกสาร
- ระบบถูกส่งไปยังระบบเมนเฟรมเร็วกว่าปกติ

2. ระบบประมวลผลภาพเป็นระบบสารสนเทศประเภทใด มีลักษณะอย่างไร
ตอบ
เป็นการประมวลผลแบบทันที Real time เป็นการประมวลผลแต่ละรายการแล้วเป็นผลลัพธ์ทันทีเพื่อมีการป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบ ใบสั่งจะถูกสแกนเข้าเครื่องแอสเซนต์ ผ่านแอสเซนต์แคปเจอร์ และเครื่องนี้จะแปลงรูปไปอยู่ในรูปที่กลับมาใช้งานได้

-------------------------------------------------------------------------------------------------

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 5

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 5

1 Instant Messaging (IM) คืออะไร สามารถสนับสนุนกระบวนการดำเนินธุรกิจได้อย่างไรบ้างและช่วยลดค่าใช้จ่ายโทรศํพท์ได้อย่างไร

ตอบ Instant Messaging หรือ IM หมายถึงโปรแกรมที่ให้ผู้ใช้สามารถส่งผ่านข้อความ, ตัวอักษร, ภาพนิ่ง, ภาพเคลื่อนไหว, ไฟล์มัลติมีเดีย หรือคุยตอบโต้กันได้แบบเรียลไทม์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต


2. E – Commerce แตกต่างจาก E- Business อย่างไร
ตอบ มีผู้คนจำนวนมากเข้าใจว่า e-Business ก็คือ e-Commerce และมักใช้ 2 คำนี้แทนกันอยู่เสมอ ซึ่งในความจริงแล้วทั้งสองคำมีความหมายไม่เหมือนกันทีเดียว
e-Business มีความหมายในขอบเขตที่กว้างกว่า โดยหมายถึง การทำธุรกรรมทุกขั้นตอนในธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อขาย การติดต่อประสานงาน รวมถึงกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นภายในสำนักงานด้วย ในขณะที่
e-Commerce หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะเน้นเฉพาะการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่าน World Wide Web เท่านั้น จึงพูดได้ว่า e-Commerce เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ e-Business


3. จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างการทำธุรกิจแบบธรุกิจกับธุรกิจ (B2B), ธุรกิจกับลูกค้า (B2C), ธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) และลูกค้ากับลูกค้า (C2C)
ตอบ
ธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างที่มุ้งเน้นให้บริการกับลูกค้าที่เป็นองค์การธุรกิจด้วยกัน เช่น ผู้ผลิต-ผู้ผลิต ผู้ผลิต-ผู้ส่งออก ผู้ผลิต-ผู้นำเข้า และผู้ผลิต-ผู้ค้าส่ง
ธุรกิจกับลูกค้า (B2C) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ขายที่เป็นองค์การธุรกิจกับผู้ซื้อหรือลูกค้าแต่ละคนอาจเป็นการค้าปลีกแบบล็อตใหญ่หรือเหมาโหล หรือแบบขายปลีกที่มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าจำนวนไม่สูง
ธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเอกชนกับภาครัฐ ได้แก่การประมูลออนไลน์ (E-Auction) และการจัดซื้อจัดจ้าง (E-Procurement)
ลูกค้ากับลูกค้า (C2C) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนและซื้อ-ขายสินค้าอาจทำผ่าน Website


ข้อ 4. จงยกตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประสบความสำเร็จและล้มเหลวมาอย่างละ 5 ข้อ
ตอบ


ข้อ 5. Internet ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์กับลูกค้าอย่างไรบ้าง
ตอบ เป็นชุมชนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีทั้ง ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ เข้าออกแล้วค้นหาสินค้าและบริการตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งที่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ Internet จึงเป็นเหมือนจุดศูนย์การในการทำธุรกิจของโลกปัจจุบันมาก


ข้อ 6. Internet มีประโยชน์ต่อการให้บริการลูกค้าอย่างไรบ้าง
ตอบ มีหน้าที่ให้บริการต่าง ๆ กับลูกค้าตั้งแต่การค้นข้อมูลของ สินค้าและบริการ การสั่งซื้อ หรือแม้แต่การชำระเงินก็สามารถทำได้สะดวก สินค้าและบริการบ้างอย่างก็จะมีการให้บริการหลังการขายผ่านทาง Internet ด้วย

ข้อ 7. ในยุคความเจริญของ internet ความเร็วสูง การจำหน่าย softeware ในรูปแบบของ CD-Rom น่าจะลดน้อยลงและได้รับความนิยมน้อยกว่าการจำหน่ายโดยวิธีการ download ผ่านทาง internet แต่ในปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้น การจำหน่าย software ในรูปของ CD-Rom ยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ท่านคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลใด
ตอบ คงเป็นความไม่มั่นใจของ File ที่ Download มาแล้วนั้นจะไม่สมบูรณ์แล้วต้องทำการ Download ใหม่เป็นการเสียเวลาจึงทำให้ส่วนใหญ่ CD-Rom ยังเป็นที่นิยมของการจำหน่าย Software ในปัจจุบันนี้

-------------------------------------------------------------------------------------------------

กรณีศึกษา : SF Cinema city นำไอทีพัฒนาธุรกิจและบริการ

กรณีศึกษา : SF Cinema city นำไอทีพัฒนาธุรกิจและบริการ


เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ ดำเนินธุตกิจการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ และธุรกิจโรงภาพยนตร์ภาคตะวันออก และในปี พ.ศ. 2542 ได้ขยายธุรกิจมาสู่กรุงเทพมหานคร โดยมีศูนย์การค้ามาบุญครองเซ็นเตอร์เป็นที่ตั้งโครงการสาขาแรก

เนื่องจากธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่นอกจากจะแข่งขันด้วยการขยายสาขาให้คลอบคลุมพื้นที่แล้ว การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยบริการใหม่ๆ ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะมัดใจลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอีก ดังนั้นผู้บริหารโรงภาพยนตร์จึงนำระบบจองตั๋วที่ชื่อว่า SF I-Ticket ซึ่งสามารถรับจองที่นั่งได้จาก เว็บไซต์ www.sfcinemacity.com โดยตรง ผู้ใช้สามารถเห็นที่นั่งว่างทั้งหมดในโรงภาพยนตร์เหมือนกับเค้าน์เตอร์ขายตั๋วที่โรงภาพยนตร์ และซื้อตั๋วที่นั่งที่ต้องการได้ โดยจ่ายค่าตั๋วผ่านบัตรเครดิต และผู้ใช้บริการสามารถพิมพ์ตั๋วจากที่บ้านด้วยบริการ Print@home ซึ่งพร้อมเข้าโรงภาพยนตร์ได้ทันที โดยไม่ต้องไปถึงโรงภาพยนตร์ก่อนครึ่งชั่วโมง

คำถาม


1. ระบบไอทีที่เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ นำมาใช้นี้ส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจและผู้ใช้บริการอย่างไรบ้าง

ตอบ

ด้านเจ้าของธุรกิจ

1. ทำให้มีรายได้จากยอดการขายตั๋วหนัง เพิ่มขึ้นเนื่องจากการให้บริการขายตั๋วหนังไม่ได้มีแค่การขายตรงหน้าเค้าเตอร์แต่ยังมีการให้บริการขายผ่านทาง เว็บไซต์ของ เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ www.Sfcinemacity.com

2. จากการนำเอาระบบ ไอที เข้ามาพัฒนาธุรกิจและการบริการ ของ เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ ทำให้กลุ่มผู้ใช้บริการได้รู้จัก เกี่ยวกับ เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ มากยิ่งขึ้น

ด้านผู้ใช้บริการ

1. การบริการของ เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ ทำให้กลุ่มผู้ใช้บริการ มีความพึ่งพอใจที่จะใช้บริการ เนื่องจาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถ สั่งจองตั๋วหนังได้จากระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านเว็บไซต์ของ เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ นั่นเอง

2. ระบบที่นำมาใช้นี้มีข้อจำกัดอะไรบ้าง

ตอบ

1. ระบบข้อมูล อาจไม่ตรงกันเนื่องจากความล่าของระบบข้อมูลของ เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ เอง
2. Server ผ่านทางอินเทอร์เน็ต อาจจะล่ม หรือ ให้บริการไม่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง อันเกิดจากสาเหตุใดๆ ทำให้การบริการ การซื้อตั๋ว ทำไม่ได้ อันนี้ถือว่าเป็นอุปสรรค์ของผู้บริการโดยตรง
3. อาจจะมีข้อผิดพลาดในการสั่งซื้อของผู้บริโภค เช่น สั่งซื้อตั๋ว ไว้ 1 ใบ แต่กลับ ได้ 2 ใบ หรือ 3 ใบ

3. หากจะนำระบบไอทีของเอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ มาใช้บริการด้านอื่นๆ จะแนะให้นำไอทีมาต่อยอดได้อย่างไร

ตอบ

ระบบไอทีของ เอส เอฟ ซีนิม่า ซิตี้ มาใช้บริการด้าน ร้านอาหาร ซึ่งสามารถ นำมาต่อยอดได้ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันสังคมเมืองมีความเร่งรีบ และต้องการความสะดวกสบาย ในการใช้การบริการต่างๆ การนำเอาระบบไอที ด้าน การสั่งซื้อ หรือการสั่งจอง ผ่านทางอินเทอร์เน็ต นี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในปัจจุบัน มาก ทำให้ผู้ค้าซึ่งมาใช้บริการ พึงพอใจอีกด้วยแล้ว ผลที่ได้รับทำให้ลูกค้ารู้จักเกี่ยวกับร้านอาหารเรามากขึ้น

-------------------------------------------------------------------------------------------------

แบบฝึกหัดท้ายบทที่3

แบบฝึกหัดท้ายบทที่3

1.จากภาพที่กำหนดให้ จงอฐิบายความหมายของคำต่อไปนี้ พร้อมยกตัวอย่าง
ตอบ 1.1 ฐานข้อมูล (Database) หมายถึง กลุ่มของแฟ้มข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันและถูกนำมารวมกัน ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลในบริษัทแห่งหนึ่ง อาจประกอบไปด้วยแฟ้มข้อมูลหลายแฟ้ม ซึ่งแต่ละแฟ้มต่าง ก็มีความสัมพันธ์กัน ได้แก่ แฟ้มข้อมูลพนักงาน แฟ้มข้อมูลแผนก แฟ้มข้อมูลลูกค้า แฟ้มข้อมูลสินค้า เป็นต้น

1.2 คลังข้อมูล (Data Warehouse) หมายถึง ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเฉพาะ ได้จากการใช้ หลักการหรือวิธีการเพื่อการรวมระบบสารสนเทศเพื่อการประมวลผลรายการข้อมูลที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และแต่ละสายงานมารวมเข้าเป็นหน่วยเดียวกัน เพื่อสนับสนุนกระบวนการตัดสินใจของผู้ตัดสินใจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1.3 ดาต้ามาร์ท(Data mart) หมายถึง คลังข้อมูลขนาดเล็กมีลักษณะเฉพาะเจาะจงมากกว่าสำหรับใช้ในธุรกิจ มีขนาดของข้อมูลและค่าใช้จ่ายต่ำ การจัดทำคลังข้อมูลใช้เวลาสั้นการนำไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจสะดวกกว่าการใช้คลังข้อมูลกลางขององค์การ เช่น ฐานข้อมูลบุคคล และฐานข้อมูลงานขายในรู

1.4 ดาต้าไมนิ่ง (Data mining) หมายถึงเครื่องมือและเทคนิคในการสกัด (Extract) ข้อมูลและประมวลผลข้อมูลในเชิงวิเคราะห์ชั้นสูง จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถหารูป แบบแนวโน้ม พฤติกรรม ความสัมพันธ์ที่ซ่อนในข้อมูลเพื่อให้ได้ความรู้ใหม่หรือลักษณะต่อไปนี้
1. ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง (Association)
2. ลำดับของข้อมูล (Sequence)
3. การหากฎเกณฑ์ในการจัดกลุ่ม (Classification)
4. การจัดกลุ่มของความคล้ายคลึง (Cluster)
5. การพยากรณ์ (Forecasting)

1.5 การประมวลผลเชิงวิเคราะห์แบบออนไลน์ (OLAP) หมายถึง เครื่องมือที่มีความสามารถในการค้นหา และวิเคาระห์ข้อมูล จากคลังข้อมูลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ การวิเคราะห์ข้อมูลในลักษณะต่างๆเช่น
1.การหมุนมิติ (Rotation)
2.การเลือกช่วงข้อมูล (Ranging)
3.การเลือกระดับชั้น (Hierarchy)

1.6 จากภาพที่กำหนด A B และ C ให้ จงระบุและอธิบายว่า A,B และC หมายถึงA คือ คลังข้อมูล (data warehouse)B คือ ดาต้ามาร์ท (data mart) C คือ OLAP , Data Mining


2. จงอธิบายถึงประโยชน์ของคลังข้อมูลที่มีต่อพนักงานปฏิบัติการขององค์การ
ตอบ พนักงานสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้หลายฝ่ายทั้งองค์กร หลีกเลี่ยงความขัดแย้งของข้อมูลได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และ ข้อมูลเป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีระบบความปลอดภัยของข้อมูลสูงใช้งานข้อมูลได้อย่างอิสระ


3. ธุรกิจอัฉริยะ หรือ Business Intelligence คืออะไร และมีการนำไปใช้งานอะไร
ตอบ เป็นการใช้ข้อมูลขององค์การที่มีคุณค่ามาช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในการดำเนินงานของธุรกิจ ซึ่งโดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลการค้นพบโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินการทางธุรกิจกระบวนการหลักๆของธุรกิจอัจริยะคือ การสนับสนุนการตัดสินใจ การคิวรีการรายงาน การประมวลผลเชิงวิเคราะห์แบบออนไลน์ (olap) การใช้งานเช่น การจัดทำประวัติของลูกค้า การประเมินถึงสภาพของตลาด การจัดกลุ่มของตลาดการจัดลำดับทางด้านเครดิต การเพิ่มความสามารถในการทำกำไร การจัดการความเคลื่อนไหวของสินค้า


4. จงยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้ดาด้าไมนิ่งในธุรกิจอื่นๆที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในบทนี้ มา 3 ตัวอย่าง
ตอบ 1.กิจการร้านอาหาร (พยากรณ์ช่วงลูกค้าเยอะ และแนวโน้มชนิดการสั้งอาหาร)
2.กิจการร้านซ่อม (ช่วงไหนของปีที่งานเสียเยอะ ลักญณะอาการเสียที่เปลี่ยนไป )
3.ร้านขายส่งลูกชิ้น (การคิดค้นสูตรใหม่ แลความต้องการของลูกค้า )


5.จากปัญหาแฟ้มข้อมูลที่ได้กล่าวในตอนต้นของบทนี้ ท่านคิดว่าคลังข้อมูล และดาด้าไมนิ่งช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างไรบ้าง
ตอบ 1.สามารถลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลได้(Minimum Redundancy)
2.เกิดความเป็นอิสระของข้อมูล(Data Independence)
3.สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้หลายฝ่ายทั้งองค์กร(Improved Data Sharing)
4.มีความคล่องตัวในการใช้งาน (Improved Flexibility)
5.สามารถกำหนดระบบความปลอดภัยของข้อมูลได้ (High Degree of DataIntegrity)

-------------------------------------------------------------------------------------------------




แบบฝึกหัดท้ายบทที่1

แบบฝึกหัดท้ายบทที่1

1.ระบบสารสนเทศคืออะไร และระบบสารสนเทศมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่างไรบ้าง
ตอบ เป็นการนำองค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์กันของระบบมาใช้ในการรวบรวม บันทึก ประมวลและแจกจ่ายสารสนเทศเพื่อใช้ในการวางแผน ควบคุม จัดการและสนับสนุนการตัดสินใจ

2.ข้อมูลสารสนเทศ และสารสนเทศกับความรู้แตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ข้อมูลเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆไม่ว่าจะเป็นตัวเลข อักษร รูปภาพ หรืออื่นๆ เพื่อมีการนำข้อมูลผ่านการประมวลผลแล้วจึงจะเรียกข้อมูลนั้นว่าสารสนเทศ และสารสนเทศที่ว่านี้เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนและการตัดสินใจและการคาดการณ์ในอนาคตได้ สารสนเทศอาจแสดงในรูปแบบต่างๆ เช่นข้อความ ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพได้สำหรับความรู้นั้นคือ การรับรู้และความเข้าใจสารสนเทศจนถึงระดับที่สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ได้คือมีความเข้าใจในองค์ประกอบต่างๆจนอาจเป็นทฤษฎี หรือ เป็นแบบจำลองทางความคิด และสามารถนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาในการดำเนินงานได้

3.ส่วนประกอบของสารสนเทศทั่วๆไปมีอะไรบ้าง
ตอบ การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ (Input) เป็นกิจกรรม การรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบเพื่อการประมวลผล เช่น การจัดพิมพ์เช็คเพื่อข่ายเงินเดือนพนักงาน จำนวนชั่วโมงการทำงานของพนักงานการประมวลผล (Process) เป็นการนำทรัพยากรที่ได้นำเข้าสู่ระบบมาปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย เพื่อใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ วางแผน ควบคุม และดำเนินงานด้านต่างๆในการประมวลผลผลลัพท์ (Output) เป็นผลผลิตที่ได้จากการประมวลผล โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของเอกสารหรือรายงานสานสนเทศ เช่น รายงานยอดขาย สรุปไตรมาสต่างๆ

4.ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์คืออะไร (CBIS) คืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ตอบ การพัฒนาและประยุกต์เอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และการสื่อสารมาใช้ควบคู่กับสารสนเทศกลายเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในปัจจุบัน เพื่อลอกความผิดพลาดหรือล่าช้าที่จะผลิตสารสนเทศออกมา เช่น ระบบอินเตอร์เน็๖ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการส่งข้อมูล และสารสนเทศถึงกันและกัน
ระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย 6 ส่วนหลักคือ
1. ฮาร์ตแวร์
2. ซอฟแวร์
3. ข้อมูล
4. การสื่อสารหรือเครือข่าย
5. ขบวนการทำงาน
6. บุคคลากรที่จัดการให้คอมพิวเตอร์ดีขึ้น

5.จงยกตัวอย่างระบบใดๆ มา 1 ระบบ พร้อมทั้งจำแนกส่วนประกอบและเป้าหมาย
ตอบ 1. ระบบ ร้านทำเสื้อ
2. ส่วนประกอบของระบบ
2.1 ส่วนนำเข้า ผ้าเป็นผืน,ด้าย,จักรเย็บผ้า,คนงาน
2.2 ประมวลผล การตัด,การเย็บ
3. เป้าหมายผลลัพธ์ เสื้อสำเร็จรูปพร้อมใส่ ^0^

-------------------------------------------------------------------------------------------------

กรณีศึกษา: การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารงานร้านไอศครีมlberry

กรณีศึกษา: การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารงานร้านไอศครีม lberry
(รายละเอียดศึกษาได้จากวารสาร Eworld ฉบับเอนกุมภาพันธ์ 2548)

ร้านไอศครีม lberry มีคุณวิวัฒน์ และคุณอัจฉรา บุรารักษ์ เป็นเจ้าของ ปัจจุบันมี 10 สาขา ในกรุงเทพฯ 9 สาขา และต่างจังหวัด 1 สาขา lberry เป็นไอศครีมโฮมเมดที่เน้นรชชาติของผลไม้ไทย เช่น มะยม มะดัน มะม่วง มะพร้าว ฯลฯ
ในช่วงแรกๆ ร้าน lberry ประสบปัญหาในการบริหารงาน 3 ประการ ซึ่งพอสรุปประเด็นได้ดังนี้
1.ปัญหาเรื่องการควบคุมความเย็น ในกรณีที่ตู้เย็นเก็บไอศครีมมีปัญหา เช่น ไฟดับ หรือตู้เย็นเสีย ก็จะทำให้ไอศครีมเสียหายได้
2.ปัญหาเรื่องข้อมูลการขาย จะทำอย่างไรเพื่อให้ทราบว่าในแต่ละวันมีการขายไอศครีมแต่ละรสชาติเป็นจำนวนเท่าไร และจะทราบได้อย่างไรว่าพนักงานขายไม่ทุจริตในการตักไอศครีมจากถาด
3.ปัญหาการดูและพนักงาน เนื่องจากทางร้านมีหลายสาขา ทำให้ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปดูแลในแต่ละสาขาได้ด้วยตัวเอง จะมีวิธีใดที่จะบริหารงานในหลายๆ สาขาได้ในเวลาเดียวกัน


จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ผู้บริหารไอศครีมได้มีแนวคิดที่จะนำไอที (ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเครือข่าย) เข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาด้วยวิธีดังนี้
1.ในเซ้นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิที่ตู้ไอศครีม หากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง เครื่องควบคุมระบบจะโทรศัพท์อัตโนมัติแจ้งศูนย์ควบคุมได้ทราบ
2.ใช้ซอฟต์แวร์ Kiosque สำหรับธุรกิจห้องอาหารเข้ามาช่วยในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการขาย
3.การควบคุมดูแลพนักงานร้านในแต่ละสาขาใข้วิธีการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ด้วยระบบ Network Camera สามารถบันทึกภาพและเหตุการณ์ภายในร้านได้ตลอดเวลา และ สามารถดูภาพผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

คำถาม
1. ประโยชน์ที่ร้านไฮศครีม lberry นำไอทีเข้ามาช่วยการบริหารงาน นอกจากการแก้ปัญหาข้างต้นแล้ว ท่านคิดว่าทางร้านยังได้รับประโยชน์ใดบ้าง

ด้านการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ขาดแคลน และ การบริการการส่งไอศครีม Iberry
1.1ด้านการสั่งซ้อวัตถุดิบที่ขาดแคลน เนื่องจาก ร้านมีสาขา เยอะ แล้วในการจำหน่วยไอศครีม อาจจะมีบางช่วงที่ลูกค้าหนาแน่น จึ่งทำให้วัตถุดิบภายในร้านหมดลง ในการนี้ที่ร้าน ใช้ระบบ It จึงมีความจำเป็น ในด้านการสั่งซื้อของโดยตรงจาก สำนักงานใหญ่ หรือสาขาที่มีความรับผิดชอบในเรื่องการจัดส่งวัตถุดิบเข้าร้านไอศครีม Iberry

1.2การบริการด้านการส่งไอศครีม Iberry
ทางร้านอาจจะใช้การสั่งซื้อ ผ่านระบบเครือข่าย Internet หรือ ระบบ Network แล้วในการส่งก็ต้องใช้ความชำนาญทางร้านไอศครีม ก็อาจจะ ใช้ ระบบ GPRS เข้ามาช่วยในระบบการส่งไอศครีม ให้กับผู้ที่สั่งซื้อ เป็นต้น

2. ท่านคิดว่าในอนาคตร้านไอศครีม lberry สามารถนำไอทีเข้ามาช่วยงานด้านใดอีกได้บ้าง

ร้านไอศครีม Iberry สามาถนำไอทีเข้ามาช่วยงานในด้าน การขาย และการจัดส่ง
2.1 ในด้านการขาย ทางร้านอาจจะนำระบบ อินเทอร์เน็ต ในการทำ WWW. ของกิจการร้านเพื่อทำให้ ผู้บริโภคได้รู้จัก ร้านไอศครีม Iberry มากยิ่งขึ้น

2.2 การจัดส่ง เนื่องด้วยเป็นร้านไอศครีมการจัดส่งในแต่ละครั้ง จึงควรต้องมีความรวดเร็วในการจัดส่งไอศรีม ทางร้านจึงอาจจะนำระบบ GPRS เข้ามาช่วยระบบตำแหน่งที่จัดส่งอย่างแม่นยำ และจะช่วยลดเวลาในการหา ตำแหน่งที่จัดส่ง อีกด้วย


3.จากแนวคิดการนำไอทีมาใช้แก้ปัญหาของผู้บริหาร้านไอครีม lberry นั้น ท่านคิดว่าสามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจใดได้บ้าง จงอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ

แนวคิดนี้สามารถประยุกต์ใช้กับธุรกิจ ร้านขายไม้ดอกและไม้ประดับ
3.1 ใช้ระบบเซนเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิอากาศ และควบคุมระบบการปล่อยน้ำลดต้นไม้

3.2 นำเอาระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ด้วยระบบ Network Camera เข้ามาใช้ภายในร้าน ทำให้สามารถบันทึกภาพและเหตุการณ์ภายในร้านได้ตลอดเวลา และทราบถึง สภาพของต้นไม้ ที่เราเลี้ยงไว้ขายอีกด้วย

3.3 ใช้ระบบ Internet เข้ามามีบทบาทในการโปรโมทร้าน เพื่อทำให้บุคคล หรือผู้ที่สนใจ ได้รู้จัก ร้านขายไม้ดอกไม้ประดับ ดีมากยิ่งขึ้น และเขียน Forum เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความสนใจ ในพันธ์ ไม้ ต่างๆ ในแวดวงธุรกิจเดียวกัน

3.4 ใช้ระบบ เครื่องข่าย Network หรือ Internet ในการสั่งซื้อหรือจัดจำหน่าย และใช้ระบบ GPRS เพื่อเป็นการซัพพอตในการจัดส่งสำหรับผู้ใช้งาน